น.สพ.สนัด วงศ์ทวีทอง ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายบริหารคียแอคเคานต์ พาบริษัทเอกชนที่ทำกิจกรรมวิจัยอยู่ในอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย (อวท.) และเครือข่าย เข้าร่วมงาน 11th International Warsaw Invention Show (IWIS 2017) ในวันที่ 9-11 ตุลาคม 2560 ณ กรุงวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์ โดยมีผู้เข้าร่วมงานจาก 32 ประเทศ ส่งผลงานวิจัยเข้าประกวดทั้งสิ้น 363 ผลงาน 
          สำหรับงานดังกล่าว อวท. ได้คัดเลือกผลงานเด่นจากบริษัทเอกชนที่อยู่ในนิคมวิจัยแห่งนี้กว่า 90 บริษัทและเครือข่าย จนได้ 6 ผลงานจาก 5 บริษัท คือ

1. บริษัท เวทโปรดักส์ รีเซิร์ช แอนด์ อินโนเวชั่น เซ็นเตอร์ จำกัด คว้ารางวัล Gold Award และ Special Award จากประเทศซาอุดิอารเบีย กับผลงาน Innovative Strategy for the Oral Delivery of Tilmicosin Antimicrobial Agent using Nanoscale Carrier ผลงานวิจัยเกี่ยวกับการป้องกันและรักษาเชื้อก่อโรคในระบบทางเดินหายใจในสัตว์ เพิ่มความสามารถในการละลายและความคงตัวของสารออกฤทธิ์

2. บริษัท คลีน กรีนเทค จำกัด ส่งผลงานเข้าประกวด 2 ผลงานคือ 
    - Designer 8 ผลงานวิจัยด้านปรับปรุงคุณภาพไก่ไข่ สามารถคว้ารางวัล Gold + Award และ Special Award จากประเทศโรมาเนีย
    - SEDDS (Self Emulsier Drug Delivery System) คว้ารางวัล Silver Award กับผลงานวิจัยด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมของสารออกฤทธิ์ เพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันและรักษาเชื้อก่อโรคในระบบทางเดินหายใจในสัตว์เศรษฐกิจที่สำคัญได้ดี

3. บริษัท เวทโปรดักส์ แอนด์ คอนซัลแตนท์ จำกัด คว้ารางวัล Gold Award กับผลงาน BEZYME การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ช่วยเพิ่มเปอร์เซ็นการย่อยได้ของอาหาร เพิ่มอัตราเจริญเติบโตเฉลี่ยต่อวัน ลดอัตราการแลกเนื้อ

4. บริษัท แอนิมัลซัพพลีเมนท์ แอนด์ ฟาร์มาซุติคอล จำกัด คว้ารางวัล Silver Award และ Special Award จากประเทศไต้หวัน กับผลงาน COMACMILL การเพิ่มประสิทธิภาพในการเปลี่ยนอาหารเป็นพลังงาน เพิ่มพลังงานและสารอาหารให้กับโคเนื้อและโคนม

5. บริษัท Agintel Co.Ltd. จำกัด คว้ารางวัล Silver Award กับผลงาน SYNERLAC การเพิ่มการใช้พลังงานจากอาหารให้กับแม่สุกรกระตุ้นการสร้งน้ำนม
 

          น.สพ.สนัดฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการคัดเลือกผลงานเพื่อส่งเข้าประกวดในปีนี้ ไม่ง่ายเลย เพราะ อวท. มีบริษัทฯ ทำวิจัยในนี้ 90 บริษัทฯ แต่ละบริษัทก็มีผลงานวิจัยที่น่าสนใจไม่แพ้กัน อวท.ไม่ใช่เพียงแค่การมีพื้นที่ให้เอกชนเข้ามาทำกิจกรรมวิจัยเท่านั้น แต่ภารกิจหลักของเรา คือ การผลักดันผลงานวิจัย นวัตกรรมต่างๆ ของภาคเอกชนไปสู่เวทีโลกให้ได้ เพราะฉะนั้นการเข้ามาอยู่ในนิคมวิจัยแห่งนี้ไม่ใช่แค่การทำงานวิจัยให้สำเร็จเป็นผลงานวิจัยเท่านั้น แต่ยังเป็นที่สำหรับการให้โอกาสกับงานวิจัยภาคเอกชนได้ไปยืนอยู่ในเวทีระดับนานาชาติอีกด้วย ซึ่งงานนี้ก็เป็นบทพิสูจน์ได้ดีว่า บริษัทวิจัยในไทยมีศักยภาพมากแค่ไหน 
          การทำงานของ อวท. เราทำงานเป็นเครือข่าย สำหรับงานในครั้งนี้ ต้องขอบคุณ คณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ที่เป็นแม่งาน ซึ่งมีผลงานจากมหาวิทยาลัยและหน่วยงานอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, มหาวิทยาลัยขอนแก่น, มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี เข้าร่วมด้วย และสามารถคว้ารางวัลต่างๆ ได้เช่นกัน ผมรู้สึกว่างานวิจัยปีนี้ดูคึกคัก ภาคเอกชนตื่นตัวและให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากขึ้นไม่ใช่แค่ในประเทศไทยแต่ต่างชาติก็เช่นกัน สิ่งสำคัญของการมาประกวดงานนวัตกรรมระดับโลก ผมมองว่าไม่ใช่แค่มาเพื่อล่ารางวัล แต่มันคือการมาเพื่อโอกาสทางธุรกิจที่จะตามมา ซึ่งในงานนี้ก็มีนักลงทุนที่สนใจพูดคุยในการร่วมทำธุรกิจกับนวัตกรรมบางตัว เพื่อจำหน่ายในโปแลนด์และยุโรปต่อไป