News & Activities


25 กันยายน 2560

มุมมอง สวทช. กับ “10 เทคโนโลยีที่ควรจับตามอง เปลี่ยนธุรกิจ เปลี่ยนวิถีชีวิต”

         เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2560 ดร. ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการ สวทช. ได้บรรยายพิเศษ เรื่อง “10 เทคโนโลยีที่น่าจับตามองสำหรับธุรกิจ (10 Technologies to Watch)” ที่จะส่งผลกระทบในช่วงเวลา 5-10 ปีข้างหน้า ได้แก่

มุมมอง สวทช. กับ “10 เทคโนโลยีที่ควรจับตามอง เปลี่ยนธุรกิจ เปลี่ยนวิถีชีวิต"

1. สารเสริมสุขภาพเนรมิตได้ (Phytonutrients) ปัจจุบันสามารถนำพืชผัก ผลไม้ มาสกัดเอาสารสำคัญ และทำให้อยู่ในรูปลักษณะที่ชวนบริโภค ไม่ว่าจะเป็นแคปซูล ผง แท่ง หรือละลายน้ำ ผลิตภัณฑ์ที่มีสารมีประโยชน์จากพืชออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้นมากในแต่ละปี เรียกสารดังกล่าวรวมๆ ว่า Phytonutrients หรือ Phytochemicals จัดอยู่ในกลุ่มของอาหารเสริมเพื่อสุขภาพหรือ Functional Food ซึ่งเทคโนโลยีนี้จะช่วยส่งเสริม Bio Economy หรือเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ และช่วยต่อยอดในการเพิ่มมูลค่าทางการเกษตรมากกว่าการแปรรูปผลิตผลตามกระบวนการปกติทั่วไปๆ ขณะที่สารสกัดจากพืชผลทางการเกษตรที่ได้จากกระบวนการนี้ก็สามารถนำไปใช้ประกอบอาหารคน สัตว์ และเวชสำอางได้อีกด้วย ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยได้เป็นอย่างดี

มุมมอง สวทช. กับ “10 เทคโนโลยีที่ควรจับตามอง เปลี่ยนธุรกิจ เปลี่ยนวิถีชีวิต"

2. เนื้อสัตว์ไม่ต้องฆ่า (Cellular Agriculture)  ประเทศเนเธอร์แลนด์ ทดลองนำ เนื้อเยื่อของกล้ามเนื้อวัว ที่ได้จากการเลี้ยงในห้องปฏิบัติการมาทำเป็นแฮมเบอร์เกอร์ แนวคิดการผลิตเนื้อสัตว์จากเซลล์แบบนี้ มาจากความต้องการผลิตเนื้อสัตว์แบบยั่งยืน ดีต่อโลก โดยใช้เทคโนโลยี Cell Culture เพิ่มจำนวนสเต็มเซลล์อย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยลดการทำปศุสัตว์และลดปริมาณการคร่าชีวิตสัตว์เท่านั้น แต่ยังช่วยลดการแพร่กระจายโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน ทั้งยังช่วยให้ระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมกลับมาสมบูรณ์มากขึ้นอีกด้วย 

 

 

มุมมอง สวทช. กับ “10 เทคโนโลยีที่ควรจับตามอง เปลี่ยนธุรกิจ เปลี่ยนวิถีชีวิต"
มุมมอง สวทช. กับ “10 เทคโนโลยีที่ควรจับตามอง เปลี่ยนธุรกิจ เปลี่ยนวิถีชีวิต"

3. จุลินทรีย์ผลิตสารมูลค่าสูงจากอากาศ (From-Air-To-Chemicals Bacteria) นักวิจัยจาก University of Minnesota ผลิตแบคทีเรีย 2 ชนิด คือ ซินนีโคค็อกคัส (Synechococcus) ที่สังเคราะห์แสงโดยตรึงคาร์บอนไดออกไซด์จากอากาศ แล้วเปลี่ยนให้เป็นน้ำตาล ก่อนส่งต่อให้แบคทีเรีย ชีวาเนลลา (Shewanella) เปลี่ยนให้เป็นกรดไขมัน ซึ่งนำไปใช้ผลิต “คีโตน” ซึ่งเป็นวัตถุดิบตั้งต้นสำคัญของสารประกอบอินทรีย์อื่นๆ และน้ำมันดีเซลได้ ซึ่งโอกาสของประเทศไทยในการใช้ประโยชน์จากจุลินทรีย์ก็ถือว่ามีมากพอสมควร เนื่องจาก สวทช. ระบุว่าไทยเป็นประเทศอันดับ 1 ของอาเซียน อันดับ 4 ของเอเชีย และอันดับ 8 ของโลก ที่มีการเก็บสะสมปริมาณจุลินทรีย์สูงสุด

 
มุมมอง สวทช. กับ “10 เทคโนโลยีที่ควรจับตามอง เปลี่ยนธุรกิจ เปลี่ยนวิถีชีวิต"
4. บรรจุภัณฑ์กินได้ (Edible Packaging) เป็นบรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจากผลผลิตทางการเกษตร  เพื่อใช้ห่อหุ้มอาหารไม่ให้เกิดความเสียหาย  ยืดอายุ รักษาคุณภาพของอาหารให้เก็บไว้ได้นานขึ้น และสามารถรับประทานอาหารชนิดนั้นๆ พร้อมกับส่วนที่ห่อหุ้มอยู่ได้เลย โดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้บริโภค ปัจจุบันมีงานวิจัยและได้เริ่มทดลองใช้กันแล้วในหลายประเทศ การคาดการณ์ของนิตยสาร Times เชื่อว่า ‘บรรจุภัณฑ์กินได้’ จะกลายเป็น Game Changer ที่สำคัญต่ออุตสาหกรรมภายในปี 2022 หรือในอีก 5 ปีข้างหน้า
 
 
 
มุมมอง สวทช. กับ “10 เทคโนโลยีที่ควรจับตามอง เปลี่ยนธุรกิจ เปลี่ยนวิถีชีวิต"

5. ถุงปลูกเพิ่มผลผลิต (Nonwovens for Agriculture)  หากเอ่ยถึง นอนวูฟเวนส์ (nonwovens) หรือ “ผ้าไม่ถักไม่ทอ” อาจไม่ค่อยคุ้นหูนัก แต่ตัวอย่างนอนวูฟเวนที่คุ้นเคยกันดี พบได้แพร่หลาย คือ หน้ากากอนามัย เนื้อวัสดุมีลักษณะคล้ายกระดาษ แต่ให้สัมผัสนุ่มคล้ายผ้า ผลิตภัณฑ์แบบนี้อาศัยการขึ้นรูปจากเส้นใยโดยตรง การนำเทคโนโลยีวัสดุมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร จึงมีความสำคัญมาก  นักวิจัยจากศูนย์เอ็มเทค สวทช. ร่วมกับ มหาวิทยาลัยนเรศวร ทำวิจัยถุงปลูกนอนวูฟเวน โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มคุณภาพและปริมาณผลิตผลทางการเกษตรให้มากขึ้น

 

มุมมอง สวทช. กับ “10 เทคโนโลยีที่ควรจับตามอง เปลี่ยนธุรกิจ เปลี่ยนวิถีชีวิต"

6. หุ่นยนต์หมอนาโน (Medical Nanorobot) ตัวยาที่ใช้รักษามะเร็งขาดความจำเพาะ จึงทำลายเซลล์มะเร็งเป้าหมายได้แค่ 1–2% ที่เหลือกลับทำลายเซลล์ดี ทำให้เกิดผลข้างเคียงต่างๆ ตามมา มีทีมวิจัยที่ศึกษาการนำ T Cell มาใช้เป็น Nanorobot นำส่งยาที่ใช้ฆ่าเซลล์มะเร็งได้อย่างจำเพาะ หรืออาจใช้นำส่งอนุภาคนาโนบางอย่างที่เมื่อกระตุ้นด้วยรังสี จะทำให้เซลล์มะเร็งตาย โดยไม่กระทบต่อเซลล์ปกติอื่นๆ 

 

 

 

มุมมอง สวทช. กับ “10 เทคโนโลยีที่ควรจับตามอง เปลี่ยนธุรกิจ เปลี่ยนวิถีชีวิต"

7.เข็มจิ๋วจิ้มไม่เจ็บ (Nano Needle) การฉีดยาเป็นเรื่องเจ็บตัวและไม่พึงปรารถนาของทั้งเด็กและผู้ใหญ่ แต่เรื่องนี้อาจกลายเป็นอดีตไปในไม่ช้า เข็มขนาดเล็กมากๆ ที่เรียกว่า Micro/Nano Needles หรือ MNN มีเส้นผ่านศูนย์กลางระดับไมโครและนาโนเมตร คือราว 1 ในล้าน และ 1 ในพันล้านส่วนของเมตรเท่านั้น ในเดือนมิถุนายน 2560 นี้เอง มีการสอบประสิทธิภาพการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ให้กับอาสาสมัคร โดยใช้แผ่น MNN เป็นครั้งแรก โดยนักวิจัยจาก Georgia Institute of Technology ประเทศสหรัฐอเมริกา ขณะนี้มีงานวิจัยเพื่อสร้างเข็มจิ๋วที่เหมาะกับการฉีดยาหรือวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า และการฉีดอินซูลินสำหรับการรักษาโรคเบาหวาน อีกด้วย

 

มุมมอง สวทช. กับ “10 เทคโนโลยีที่ควรจับตามอง เปลี่ยนธุรกิจ เปลี่ยนวิถีชีวิต"

8. บล็อกเชนเพื่อสุขภาพ (Blockchain for Health) คือ เทคโนโลยีการเก็บข้อมูลธุรกรรมที่ทำให้ทุกคนที่เกี่ยวข้อง สามารถเก็บข้อมูล และใช้การเข้ารหัส หรือ คริปโตกราฟี (cryptography) เพื่อป้องกันการแอบแก้ไขข้อมูล และกำหนดสิทธิการเข้าถึงข้อมูล ทำให้ระบบมีความน่าเชื่อถือ เนื่องจากไม่จำเป็นต้องใช้คนในการบริหารจัดการข้อมูล และปลอดภัยจากการแอบแก้ไขและแอบเข้าถึงข้อมูล ตัวอย่าง เช่น นวัตกรรม Blockchain ด้านสุขภาพ ไทย บริษัท Block M.D. ที่เป็นบริษัทสตาร์ทอัพ กำลังพัฒนา Electronic Health Record หรือ EHR บนบล็อกเชน  โดยใช้โครงสร้างเวชระเบียน หรือประวัติผู้ป่วยมาตรฐาน ในปัจจุบันนั่นเอง

 

มุมมอง สวทช. กับ “10 เทคโนโลยีที่ควรจับตามอง เปลี่ยนธุรกิจ เปลี่ยนวิถีชีวิต"

9.โรงยิมสมอง (Brain Gym) สมองเป็นอวัยวะที่มีความซับซ้อนมาก ต้องใช้เครื่องคอมพิวเตอร์นับแสนนับล้านเครื่อง เพื่อจำลองการทำงานของสมองเพียงเสี้ยววินาที แต่ปัจจุบันมีเทคโนโลยีเซ็นเซอร์ (Sensor) ที่นำมาศึกษาสมองได้ดี เช่น มีเทคโนโลยีการสร้างภาพประสาท (Neuroimaging) เราอาจเคยเห็นเครื่องมือพวกนี้ในโรงพยาบาลกันบ้างแล้ว เช่น เครื่อง MRI หรือ EEG มี Sensor ต่างๆ ที่ช่วยให้อ่านข้อมูลสมองได้สะดวก และเรายังมีเทคนิคการวิเคราะห์ Big Data ทำให้สามารถอ่านข้อมูลสมองได้อย่างรวดเร็ว ถือเป็นศาสตร์ใหม่ที่เรียกรวมว่าเป็น นิวโรอินฟอร์เมติกส์ (neuroinformatics)

 

มุมมอง สวทช. กับ “10 เทคโนโลยีที่ควรจับตามอง เปลี่ยนธุรกิจ เปลี่ยนวิถีชีวิต"


10. พิมพ์ฟังก์ชัน 3 มิติ (Functional 3D Printing) ข้อมูลจาก IDTechEx ก็ระบุว่า ตลาดของวัสดุสำหรับการพิมพ์สามมิติคาดว่าจะเติบโตและมีมูลค่าตลาดทั่วโลกสูงประมาณ 700,000 ล้านบาท ในอีกสิบปีข้างหน้า ในอนาคตอันใกล้ วัสดุใหม่ๆ เช่น วัสดุคอมพอสิต จะช่วยให้สามารถพิมพ์วัสดุที่มีคุณสมบัติเฉพาะต่างๆ ได้หลากหลายขึ้น ทำให้สร้างอุปกรณ์ที่ทำงานได้เลยหลังพิมพ์เสร็จ เรียกว่า Functional 3D Printing  เช่น การพิมพ์พลาสติกที่สามารถนำความร้อน เพราะมีวัสดุโลหะผสมอยู่ เช่น วัสดุผสมคอมพอสิต กับอนุภาคหรือเส้นใยของทองแดง หรืออะลูมิเนียม สามารถนำไปใช้ทดแทนชิ้นส่วนโลหะได้ เช่น ชิ้นส่วนโคมไฟรถยนต์ หรือใช้ระบายความร้อนในวงจรอิเล็กทรอนิกส์ 

 

         “ปัจจุบัน เราพิมพ์เส้นลวดนำไฟฟ้าได้แล้วด้วย โดย ศูนย์นวัตกรรมการพิมพ์อิเล็กทรอนิกส์และอิเล็กทรอนิกส์อินทรีย์ หรือ TOPIC ในสังกัด ศูนย์เนคเทค ร่วมมือกับบริษัท เฮเดล เทคโนโลยี ประเทศไทย ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยด้านกราฟีนตั้งอยู่ในอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย ผลิตเส้นลวดพลาสติกนำไฟฟ้าด้วยวัสดุคอมพอสิตผสมกราฟีน ที่สามารถนำไฟฟ้าได้ดีที่สุดในโลก มีความต้านทานไฟฟ้าน้อยกว่า 0.5 โอห์มต่อเซนติเมตร และสามารถขึ้นรูปได้ด้วยเครื่องพิมพ์สามมิติทุกชนิด และออกวางจำหน่ายไปทั่วโลกแล้ว” 

          จะเห็นได้ว่า 10 เทคโนโลยีที่ควรจับตามอง ในปีนี้ ส่วนใหญ่ครอบคลุมเรื่องอาหาร สุขภาพ และการแพทย์  โดยมีเรื่องของเทคโนโลยีการพิมพ์และการเกษตรเข้ามามีบทบาทด้วย ซึ่งจะเป็นประโยชน์สำหรับนักลงทุนในการทำความเข้าใจทิศทางและแนวโน้มเทคโนโลยีใหม่ เพื่อเลือกพิจารณาลงทุนให้เหมาะสม เพราะเทคโนโลยีเหล่านี้อาจจะเข้าไปเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจหลายประเภทที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน และข้อมูลเหล่านี้จะมีสำคัญสำหรับคนทั่วไปเช่นกัน เพื่อให้ทันรับมือกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เพราะเทคโนโลยีใกล้ชิดกับเราอย่างมากโดยคาดไม่ถึงในทุกมิติของชีวิต 

ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมจาก https://thestandard.co/